ราคาทองคำทะลุ 4,000 ดอลลาร์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนความกังวลทางเศรษฐกิจโลก

ราคาทองคำ (Gold Price) ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ตามรายงานจาก Reuters ผ่าน Investing.com ราคาทองคำสปอตแตะระดับ 4,017.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนธันวาคมขยับขึ้นถึง 4,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนทั่วโลก
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (U.S. Government Shutdown) ไปจนถึงความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรปและเอเชีย ทำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดการเงินที่ผันผวน
ปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Rate Cuts 2025) ซึ่งตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ภายในเดือนตุลาคม ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลงและช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองคำ นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก (Central Bank Gold Demand) ที่เร่งกระจายทุนสำรองออกจากดอลลาร์สหรัฐและเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้น
อีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญมาจากความผันผวนของตลาดหุ้นและพันธบัตร (Market Volatility) รวมถึงบทบาทของทองคำในฐานะเครื่องป้องกันเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) ที่กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งในภาวะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ปรับคาดการณ์ราคาทองคำปลายปี 2026 ขึ้นสู่ระดับ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่นักลงทุนชื่อดังอย่าง Ray Dalio ย้ำว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์สำคัญในพอร์ตการลงทุนแบบสมดุล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่าหากธนาคารกลางสหรัฐชะลอการปรับลดดอกเบี้ย หรืออัตราเงินเฟ้อเริ่มอ่อนแรง ราคาทองคำอาจเกิดการพักฐานในระยะสั้น
โดยรวมแล้ว ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบสูงระหว่าง 3,900–4,500 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มทรงตัวแข็งแกร่งในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก