
Open Interest คืออะไร? คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์
Open Interest หรือ OI คือ หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของตลาด ฟิวเจอร์ส (Futures) และ ออปชัน (Options) ที่นักลงทุนมืออาชีพมักใช้เพื่อติดตามภาวะตลาดและแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา โดย Open Interest หมายถึง จำนวนสัญญาที่คงค้างอยู่ในตลาด ณ เวลาหนึ่ง ๆ ซึ่งยังไม่ได้ถูกปิดสถานะ (Close) หรือชำระราคา (Settlement)
ความหมายของ Open Interest
– ถ้าพูดง่าย ๆ Open Interest คือจำนวนสัญญาซื้อขายที่ยังคงเปิดอยู่ในตลาด
– นับรวมทั้งฝั่ง Long Position (ฝั่งซื้อ) และ Short Position (ฝั่งขาย)
– เมื่อมีการเปิดสถานะใหม่ (Open Position) ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย ตัวเลข OI จะเพิ่มขึ้น
– แต่เมื่อมีการปิดสถานะ (Close Position) หรือชำระราคา ตัวเลข OI จะลดลง
ความแตกต่างระหว่าง Open Interest และ Volume
หลายคนมักสับสนระหว่าง Open Interest และ ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ซึ่งจริง ๆ แล้วต่างกันดังนี้
รายการ | Open Interest | Volume | ||
ความหมาย | จำนวนสัญญาที่คงค้างอยู่ในตลาด |
| ||
ช่วงเวลา | สะสมต่อเนื่องจนกว่าจะปิดสถานะ |
| ||
การตีความ | บอกถึงความสนใจของนักลงทุนในตลาด |
|
วิธีอ่านค่า Open Interest
การอ่านค่า OI สามารถช่วยประเมินแนวโน้มตลาดได้ ดังนี้
1. ราคาเพิ่มขึ้น + OI เพิ่มขึ้น → มีแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาด บ่งบอกถึง แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรง
2. ราคาเพิ่มขึ้น + OI ลดลง → ราคาขึ้นเพราะการปิดสถานะ Short อาจเป็น ขาขึ้นชั่วคราว
3. ราคาลดลง + OI เพิ่มขึ้น → มีแรงขายใหม่เข้าสู่ตลาด อาจบ่งบอกถึง แนวโน้มขาลงที่แข็งแรง
4. ราคาลดลง + OI ลดลง → การลดลงมาจากการปิดสถานะ Long เป็นการปรับฐานหรือพักตัว
ประโยชน์ของการดู Open Interest
– ประเมินกระแสเงินในตลาด ว่ากำลังไหลเข้าหรือไหลออก
– ช่วยยืนยันแนวโน้มราคา ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น MACD, RSI
– วางแผนกลยุทธ์การเทรด เพื่อหาจังหวะเข้า–ออกที่เหมาะสม
– ใช้คู่กับ Volume เพื่อวิเคราะห์แรงซื้อ–ขายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
Open Interest เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าตลาดมีความสนใจและสภาพคล่องมากน้อยเพียงใด การติดตามค่า OI ควบคู่กับการวิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้อขาย จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ทิศทางตลาด และช่วยให้การตัดสินใจลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น