Demand & Supply กลยุทธ์เทรดฟอเร็กซ์ที่แม่นยำที่สุด

อุปสงค์และอุปทาน และวิธีการนำไปใช้ในตลาดฟอเร็กซ์

อุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) เป็นหนึ่งในแนวคิดพื้นฐานที่สุดของเศรษฐศาสตร์ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน รวมถึง ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Market) ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก การเข้าใจอุปสงค์และอุปทานไม่เพียงช่วยให้นักเทรดมองเห็นทิศทางราคา แต่ยังช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ

อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) คืออะไร?

1.อุปสงค์ (Demand) คือ ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินในราคาต่าง ๆ โดยทั่วไป เมื่อราคาลดลง ความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้น และเมื่อราคาสูงขึ้น ความต้องการซื้อจะลดลง
2.อุปทาน (Supply) คือ ปริมาณสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่ผู้ขายต้องการเสนอขายในราคาต่าง ๆ โดยปกติ เมื่อราคาสูงขึ้น ผู้ขายจะยินดีขายมากขึ้น และเมื่อราคาลดลง ปริมาณการขายก็จะลดลง
จุดที่อุปสงค์และอุปทานเท่ากัน เรียกว่า จุดดุลยภาพ (Equilibrium Point) ซึ่งในตลาดฟอเร็กซ์จุดนี้จะเป็นราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายยอมรับร่วมกันในช่วงเวลานั้น

ความสำคัญของอุปสงค์และอุปทานในตลาดฟอเร็กซ์

ในตลาดฟอเร็กซ์ ราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงตลอดเวลาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่างเช่น
– เมื่อมีข่าวเศรษฐกิจเชิงบวกต่อค่าเงินสกุลหนึ่ง ความต้องการซื้อ (อุปสงค์) จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาค่าเงินนั้นแข็งค่า
– ในทางกลับกัน เมื่อมีปัจจัยลบ อุปทานจากฝั่งผู้ขายจะมากขึ้น ทำให้ราคาลดลง
เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่เข้าใจหลักการนี้จะสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

Demand Zone และ Supply Zone ในการเทรดฟอเร็กซ์

ในเชิงเทคนิค นักเทรดมักใช้แนวคิด โซนอุปสงค์ (Demand Zone) และ โซนอุปทาน (Supply Zone) เพื่อหาจุดเข้าและออกคำสั่งซื้อขาย
1. Demand Zone คือ พื้นที่ในกราฟราคาที่มีแรงซื้อสูง มักเกิดจากการกลับตัวของราคาในอดีต บ่งบอกว่ามีความต้องการซื้อจำนวนมากในโซนนี้
2. Supply Zone คือ พื้นที่ในกราฟที่มีแรงขายสูง มักเกิดจากการกลับตัวของราคาในอดีต แสดงถึงความต้องการขายจำนวนมาก

วิธีการหาโซนอุปสงค์และอุปทานในกราฟฟอเร็กซ์

1. ใช้กราฟ Timeframe ใหญ่ – เริ่มวิเคราะห์จากกราฟ Daily หรือ H4 เพื่อหาพื้นที่ที่ราคามีการกลับตัวแรง
2. สังเกตแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick) – เช่น Pin Bar, Engulfing ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงซื้อขาย
3. ดูปริมาณการซื้อขาย (Volume) – ปริมาณที่สูงผิดปกติในบางช่วงอาจบ่งชี้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโซนอุปสงค์หรืออุปทาน
4. ใช้เส้นแนวรับ-แนวต้านร่วม – เพื่อยืนยันความแข็งแรงของโซน

กลยุทธ์การเทรดฟอเร็กซ์ด้วยอุปสงค์และอุปทาน

1. รอให้ราคากลับเข้าโซน – ไม่ควรไล่ซื้อหรือไล่ขาย ควรรอให้ราคากลับเข้าสู่ Demand Zone หรือ Supply Zone ก่อน
2. ใช้การยืนยันจากสัญญาณ Price Action – เช่น Pin Bar, Doji, หรือ Engulfing ที่เกิดในโซนสำคัญ
3. ตั้ง Stop Loss เหนือ/ใต้โซน – เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาด
4. กำหนดเป้าหมาย Take Profit ตามจุด Swing High/Swing Low – เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการทำกำไร
5. ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน – เช่น ข่าวเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขเงินเฟ้อ

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้

สมมติว่าคู่เงิน EUR/USD อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น แต่ราคาปรับตัวลงมาที่โซน Demand Zone ที่เคยทำให้ราคาดีดตัวแรงในอดีต
– นักเทรดอาจวางแผน Buy ในบริเวณนี้
– ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Demand Zone เล็กน้อย
– กำหนด Take Profit ที่จุดต้านถัดไป
หากมีข่าวเศรษฐกิจยูโรโซนเชิงบวกในช่วงเวลาเดียวกัน ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ราคาดีดตัวขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

ข้อควรระวัง

แม้การวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรด แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น
– ข่าวเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดอาจทำให้โซนแตกได้
– โซนที่ใช้มานานอาจสูญเสียความแข็งแรง
– ควรใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

สรุป

การเข้าใจ อุปสงค์และอุปทานในตลาดฟอเร็กซ์ ไม่เพียงเป็นพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักเทรด การระบุ Demand Zone และ Supply Zone ที่ชัดเจน จะช่วยให้นักเทรดวางแผนการเข้าออกตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เมื่อผสมผสานกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการบริหารความเสี่ยงที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด

We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

fintapx
Logo
Compare items
  • Total (0)
Compare
0
Shopping cart