BYD ปรับลดเป้ายอดขายปี 2025 ลง 16%: ตลาด EV จีนกำลังเข้าสู่ช่วงทดสอบครั้งใหญ่

BYD ยักษ์ใหญ่ด้าน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่ในอุตสาหกรรม หลังประกาศ ปรับลดเป้ายอดขายปี 2025 ลง 16% จากเดิม 5.5 ล้านคัน เหลือ 4.6 ล้านคัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากยุคแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด สู่การปรับตัวอย่างสมจริงในตลาดที่เริ่มอิ่มตัวและมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น
สาเหตุการชะลอตัวของยอดขาย BYD
1. เศรษฐกิจจีนอ่อนแรง – ภาวะเงินฝืด ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลต่อการใช้จ่ายสินค้ามูลค่าสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า
2. การลดเงินอุดหนุน EV – นโยบายรัฐที่เคยหนุนยอดขายกำลังทยอยหายไป ทำให้ผู้ผลิตอย่าง BYD ต้องเผชิญกลไกตลาดเต็มรูปแบบ
3. ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น – ราคาลิเทียมและนิกเกิลกดดันอัตรากำไร แม้ BYD จะได้เปรียบจากการผลิตแบบบูรณาการแนวดิ่ง
4. การแข่งขันรุนแรง – คู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ เช่น Tesla, Geely, Leapmotor กำลังเร่งเกมรุก ทั้งในด้านราคา เทคโนโลยี และซอฟต์แวร์
ปฏิกิริยาของนักลงทุนและตลาดหุ้น
การประกาศปรับเป้าครั้งนี้ส่งผลให้ หุ้น BYD (HKEX:1211) ร่วงลงกว่า 2.7% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เมษายน 2025 ขณะที่ดัชนี Hang Seng Index โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงเฉพาะบริษัท กำลังเป็นปัจจัยหลัก
นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank และ Morningstar ปรับคาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 4.7–4.8 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าเป้าใหม่ของ BYD เล็กน้อย สะท้อนถึงทั้งความเชื่อมั่นระยะยาว และความกังวลต่อการชะลอตัวในระยะสั้น
กลยุทธ์ใหม่ของ BYD: จากการขยายตัวสู่ความรอบคอบ
– ชะลอการผลิตและการขยายโรงงาน เพื่อลดความเสี่ยง Overcapacity
– ลงทุนใน R&D เน้นการพัฒนา แบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่ และ ซอฟต์แวร์รถยนต์ไฟฟ้า
– ขยายตลาดส่งออก ไปยังประเทศเกิดใหม่และตลาดที่มีดีมานด์สูง
– บริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด เพื่อรักษากระแสเงินสดและความแข็งแกร่งทางการเงิน
แนวโน้มตลาด EV จีนและบทเรียนสำหรับนักลงทุน
การปรับเป้า ยอดขาย BYD ปี 2025 ไม่ได้สะท้อนถึงความอ่อนแอเพียงอย่างเดียว แต่ยังบ่งชี้ถึงความพยายามรักษาสมดุลในอุตสาหกรรม EV ที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ตั้งแต่ สงครามราคา, ต้นทุนวัตถุดิบ, ไปจนถึงนโยบายกีดกันทางการค้า
สำหรับนักลงทุน แม้ หุ้น BYD จะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่จุดแข็งด้าน ขนาดธุรกิจ, Vertical Integration และเทคโนโลยี EV ยังคงทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นสำคัญใน ตลาด EV โลก ในระยะยาว
1. BYD ปรับลดเป้ายอดขายปี 2025 ลง 16% จาก 5.5 ล้านคัน เหลือ 4.6 ล้านคัน
2. ปัจจัยกดดันมาจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรง, ต้นทุน ลิเทียม–นิกเกิล, และ การแข่งขัน EV
3. หุ้น BYD ร่วง 2.7% หลังข่าว ขณะที่นักวิเคราะห์ยังประเมินเป้าไว้สูงกว่าเล็กน้อย
4. กลยุทธ์ใหม่ของ BYD มุ่งสู่ การชะลอการผลิต, ลงทุนใน R&D, และขยายตลาดส่งออก
5. ตลาด EV กำลังเปลี่ยนจากการเติบโตเชิงรุกสู่การปรับสมดุลอย่างรอบคอบ