ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงในวันศุกร์ (2 ส.ค.) ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยการร่วงลง แตะระดับ $112,722 ท่ามกลางแรงขายทำกำไร และความกังวลต่อมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจทรงตัวสูงนานกว่าคาดการณ์
สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของโลกอย่าง Bitcoin (BTC) มีแนวโน้มปิดสัปดาห์ด้วยการขาดทุนราว 3% หลังจากที่ราคาทำสถิติสูงสุดใหม่ในกลางเดือนกรกฎาคม แต่ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมการปรับขึ้นต่อได้ แม้จะมีข่าวการซื้อ Bitcoin ครั้งใหญ่โดย MicroStrategy (NASDAQ: MSTR) และผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาด แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะหนุนราคา BTC ในสัปดาห์นี้
การร่วงของ Bitcoin เกิดขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งเก็บภาษีการค้าต่อคู่ค้าหลายประเทศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยภาษีดังกล่าวจะมีผลในอีก 7 วันข้างหน้า แม้ช้ากว่ากำหนดเดิมวันที่ 1 สิงหาคมเล็กน้อย
ตลาดยังคงรอความชัดเจนจากรายละเอียดภาษีใหม่ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ จนกว่าจะประเมินผลกระทบของภาษีต่อเงินเฟ้อได้ชัดเจน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต แม้ภาษีการค้าไม่ได้กระทบ Bitcoin โดยตรง แต่บรรยากาศการลงทุนที่เสี่ยงลดลงทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เก็งกำไร
ข้อมูล การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 100,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2%
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนถูกปรับลดลงรวมกว่า 258,000 ตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ตัวเลขที่อ่อนแอนี้ทำให้นักลงทุนเพิ่มความคาดหวังว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน โดยความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 63% ภายในวันเดียว
ไม่เพียงแต่ Bitcoin ที่ร่วง ราคาคริปโตชั้นนำอื่น ๆ ก็ปรับตัวลงเช่นกัน
– Ethereum (ETH) ร่วง 4% อยู่ที่ $3,654
– XRP ลดลง 3.4% แตะ $3
– Solana (SOL) และ Cardano (ADA) ลดลงเกือบ 5%
– เหรียญมีมอย่าง Dogecoin (DOGE) ร่วง 5% และ $TRUMP ลดลง 3.8%
บรรยากาศการเทรดคริปโตโดยรวมอยู่ในโหมดระมัดระวัง นักลงทุนหลายรายเลือกทำกำไรและลดความเสี่ยงรอความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ราคาบิทคอยน์วันนี้ถูกกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความกังวลเรื่องภาษีการค้า ท่าทีของเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดคริปโตทั่วโลกเผชิญแรงขาย และยังต้องติดตามปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของเดือนสิงหาคมอย่างใกล้ชิด
ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคืออะไร และจะจัดการได้อย่างไร? ความหมายของความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ Foreign Exchange Risk / Currency Risk หมายถึง ความเสี่ยงที่มูลค่าของการลงทุน, รายได้, หรือภาระหนี้สิน จะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากความผันผวนของ…
Market Risk คืออะไร? ความเสี่ยงทางการตลาดที่นักลงทุนต้องรู้ Market Risk หรือ ความเสี่ยงทางการตลาด หมายถึง ความเสี่ยงที่มูลค่าของการลงทุนจะลดลงเนื่องจากความผันผวนของ ราคาตลาดโดยรวม ซึ่งเกิดจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนักลงทุนหรือบริษัท เช่น ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราดอกเบี้ย,…
High-Frequency Trading (HFT) คืออะไร? เจาะลึกกลยุทธ์การเทรดความเร็วสูงในตลาดการเงิน High-Frequency Trading (HFT) หรือ การเทรดความถี่สูง คือรูปแบบการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ อัลกอริทึมและคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ในการส่งคำสั่งซื้อขายจำนวนมากภายในเสี้ยววินาที โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาสั้นมาก กลยุทธ์…
Open Interest คืออะไร? คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ Open Interest หรือ OI คือ หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของตลาด ฟิวเจอร์ส (Futures) และ ออปชัน (Options)…
การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A): มันคืออะไร? M&A หรือ Mergers and Acquisitions คือกระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัวหรือการซื้อขายกิจการระหว่างบริษัทสองแห่งขึ้นไป ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการขยายกิจการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน หรือเข้าถึงตลาดใหม่ในระดับองค์กร คำจำกัดความของ M&A 1.…
ทำความเข้าใจกลยุทธ์ Wyckoff ในการเทรด กลยุทธ์วิเคราะห์พฤติกรรมราคาที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของตลาด กลยุทธ์ Wyckoff (Wyckoff Method) เป็นแนวคิดการวิเคราะห์ตลาดที่พัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย Richard D. Wyckoff นักวิเคราะห์ทางเทคนิคและผู้ก่อตั้งนิตยสาร…