
Stop Loss คืออะไร?
เครื่องมือสำคัญของเทรดเดอร์ ที่ช่วยควบคุมความเสี่ยง ในการเทรด Forex, หุ้น, หรือคริปโต หนึ่งในปัจจัยที่แยก “นักลงทุนที่อยู่รอด” ออกจาก “นักลงทุนที่พอร์ตเสียหาย” คือ การรู้จักควบคุมความเสี่ยง และ Stop Loss ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุดที่นักเทรดทุกคนควรรู้จัก
Stop Loss คือคำสั่งที่ใช้กำหนดจุดปิดออร์เดอร์โดยอัตโนมัติ เมื่อตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดไว้เกินระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าง่ายๆ คือ: “ถ้าขาดทุนถึงจุดนี้ ให้ระบบปิดออร์เดอร์ให้ทันที เพื่อจำกัดการขาดทุนไม่ให้มากเกินไป”
ทำไมการตั้ง Stop Loss จึงสำคัญ?
1. ลดความเสียหายเมื่อเทรดผิดทาง ไม่มีใครสามารถเทรดถูกทาง 100% ได้ทุกครั้ง การตั้ง Stop Loss จึงเป็นเสมือนเบาะกันกระแทกของพอร์ต
2. ช่วยควบคุมอารมณ์ในการเทรด เมื่อขาดทุนหนัก นักเทรดหลายคนมักจะ “ถือรอให้กลับมา” ซึ่งเสี่ยงต่อการล้างพอร์ต Stop Loss ช่วยให้คุณทำตามแผนโดยไม่ใช้อารมณ์
3. วางแผนการเทรดได้เป็นระบบ การตั้งจุด Stop Loss ร่วมกับ Take Profit (จุดทำกำไร) จะช่วยให้คุณคำนวณ Risk-Reward Ratio ได้ชัดเจน และเลือกออร์เดอร์ที่คุ้มค่าเท่านั้น
วิธีตั้ง Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพ
1. อิงจากระดับแนวรับแนวต้าน (Support/Resistance) ตั้งจุด Stop Loss ไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับ (กรณี Buy) หรือสูงกว่าแนวต้าน (กรณี Sell) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกชนก่อนตลาดกลับทิศ
2. ใช้ % ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หลายคนตั้ง Stop Loss โดยยอมให้ขาดทุนไม่เกิน 1–2% ของพอร์ตต่อครั้ง เพื่อรักษาเงินทุนในระยะยาว
3. ปรับตามความผันผวนของตลาด (Volatility) หากเทรดในคู่เงินหรือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ควรเว้นระยะ Stop Loss ให้กว้างขึ้นเพื่อไม่ให้โดนชนง่าย
ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Stop Loss
– หลีกเลี่ยงการตั้งใกล้จุดเข้าออร์เดอร์เกินไป เพราะอาจโดน “แกว่งออก” โดยไม่ได้ผิดทางจริง
– ควรตั้ง Stop Loss ตั้งแต่ก่อนเปิดออร์เดอร์ ไม่ใช่ค่อยไปคิดทีหลัง
– อย่าปิด Stop Loss ด้วยตัวเองเพราะ “เสียดาย” – เพราะนั่นคือต้นเหตุของการขาดทุนสะสม
สรุป
Stop Loss ไม่ได้มีไว้เพื่อบอกว่าคุณแพ้ แต่มีไว้เพื่อ รักษาเงินทุนให้คุณอยู่ในเกมต่อไปได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร การมีวินัยในการตั้ง Stop Loss คือหัวใจของการเทรดอย่างยั่งยืน