โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อขยายโอกาสการลงทุนของผู้ถือแผนเกษียณ 401(k) ให้สามารถเข้าถึง สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) ที่ก่อนหน้านี้ถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่และพนักงานรัฐ เช่น คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency), อีควิตี้เอกชน (Private Equity) และ อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
ตามรายงานของ Investing.com คำสั่งนี้กำหนดให้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) ทบทวนแนวทางการลงทุนภายใต้กฎหมาย ERISA และวางกระบวนการที่เหมาะสมสำหรับการนำกองทุนที่มีสินทรัพย์ทางเลือกเข้ามาอยู่ในพอร์ตของแผน 401(k) รวมถึงให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ได้แก่ กระทรวงการคลัง (U.S. Treasury), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่นี้
ทำเนียบขาวระบุว่า ที่ผ่านมา การกำกับดูแลที่เข้มงวดเกินไป และ ความเสี่ยงจากการฟ้องร้อง ทำให้ผู้ดูแลแผนเกษียณหลีกเลี่ยงการรวมสินทรัพย์ทางเลือกเข้ามาในพอร์ต ซึ่งเป็นการจำกัดโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเงินเกษียณสำหรับคนทำงานกว่า 90 ล้านคน ที่มีแผน 401(k) อยู่แล้ว การเปิดให้ลงทุนในคริปโต, อีควิตี้เอกชน และอสังหาริมทรัพย์ อาจช่วยให้ผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยงและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาและความซับซ้อนในการจัดการลงทุน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานในรัฐบาลทรัมป์ได้ยกเลิกแนวทางเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้ในสมัยรัฐบาลไบเดนแล้ว และทรัมป์เองเคยประกาศชัดว่า ต้องการให้สหรัฐฯ กลายเป็น “เมืองหลวงคริปโตของโลก” เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเตือนว่า แม้การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกจะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน แต่ก็ต้องคำนึงถึง:
– ความเสี่ยงด้านความผันผวนของคริปโต
– ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ
– ความซับซ้อนของการประเมินมูลค่าสินทรัพย์เอกชน
– ความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น
ดังนั้น ผู้ลงทุนในแผน 401(k) ควรทำความเข้าใจและประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจปรับพอร์ตการลงทุน
คำสั่งบริหารครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการลงทุนเพื่อเกษียณในสหรัฐฯ ที่อาจเปิดประตูให้คริปโตและสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เข้าสู่ตลาดการเงินกระแสหลักมากขึ้น และยังสะท้อนท่าทีของทรัมป์ที่สนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
แหล่งอ้างอิง: Investing.com – Cryptocurrency News
ในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม 2025 ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 100% และจีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มค่าธรรมเนียมท่าเรือ ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเข้าสู่ภาวะผันผวนทันที นักลงทุนเร่งโยกเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและหันกลับมาถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาลราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราคาทองคำในตลาดสปอตพุ่งแตะระดับ 4,078.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์…
ดอลลาร์สหรัฐกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในปี 2025 โดยแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดของปี จากแรงหนุนของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ข้อมูลจาก Bank of America ชี้ว่าความต้องการลงทุนในดอลลาร์อยู่ในระดับสูงสุดของปี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่งปัจจัยหลักที่หนุนดอลลาร์แข็งค่านโยบายการเงินที่แตกต่างกันทั่วโลก – ขณะที่หลายประเทศเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐยังคงคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแรง ส่งผลให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์สกุลดอลลาร์โดดเด่นกว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ยืดหยุ่น…
ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บ ภาษีนำเข้าจากจีน 100% สำหรับสินค้าประเภทเทคโนโลยี พร้อมควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายรุนแรงในตลาดคริปโต โดย บิตคอยน์ (Bitcoin) ร่วงกว่า 8.4% แตะระดับ…
ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ สายตานักลงทุนทั่วโลกจะจับจ้องไปที่สองเหตุการณ์สำคัญ — รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claim) และสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ (Powell Speech) ซึ่งอาจเป็นจุดชี้ชะตาทิศทางของตลาดการเงิน…
ราคาทองคำ (Gold Price) ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ตามรายงานจาก Reuters ผ่าน Investing.com…
เมื่อเวลา 00:01 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะ ปิดทำการชั่วคราว (Government Shutdown) อย่างเป็นทางการ หลังจากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่หรือร่างขยายงบชั่วคราวได้สำเร็จการขาดฉันทามติระหว่างสองพรรค โดยเฉพาะในประเด็นงบประมาณด้านสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายภาครัฐส่วนเลือกสรร…