ทรัมป์จ่อรีดภาษีสินค้ายุโรป 50% หากไม่มีข้อตกลงก่อน 9 ก.ค. | สงครามการค้าระลอกใหม่สหรัฐ–EU
ความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่าง สหรัฐอเมริกา (U.S.) และ สหภาพยุโรป (EU) ขณะที่เส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดของ มาตรการผ่อนผันภาษี (Tariff Reprieve) 90 วันที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ให้ไว้ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุ ข้อตกลงทางการค้า (Trade Agreement) ได้ทันเวลา ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ (U.S. Import Tariffs) สำหรับสินค้า EU อาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 50% ซึ่งจะกระทบสินค้าส่งออกหลักของยุโรป เช่น รถยนต์ ยา และน้ำมันกลั่น ในขณะเดียวกัน EU ก็เตรียมมาตรการ ภาษีตอบโต้ (Retaliatory Tariffs) ไว้เช่นกัน ซึ่งอาจกระทบสินค้าอเมริกันหลายประเภท ภาษีสหรัฐ-ยุโรป 2025: ตัวเลขการค้าสะท้อนความเหลื่อมล้ำ ตามข้อมูลของ European Council
มูลค่าการค้ารวมระหว่าง สหรัฐ–EU ในปี 2024 อยู่ที่ 1.68 ล้านล้านยูโร (1.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งเป็น:
– เกินดุลการค้าสินค้า (Goods Surplus) ฝั่ง EU: 198,000 ล้านยูโร
– ขาดดุลการค้าบริการ (Services Deficit) ฝั่ง EU: 148,000 ล้านยูโร
– รวมสุทธิ: EU มียอดเกินดุลโดยรวม 50,000 ล้านยูโร
ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่า “ข้อตกลงการค้า EU–US ไม่เป็นธรรม” และกล่าวหาว่า บรัสเซลส์ (Brussels) ใช้ข้อได้เปรียบทางภาษีเอาเปรียบสหรัฐฯ ข้อตกลงยังไร้ข้อสรุป เสี่ยงเปิดฉาก “สงครามภาษี” การเจรจาระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกยังคงไม่มีความคืบหน้า โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากฝั่งยุโรปเปิดเผยว่า การทำข้อตกลงโดยละเอียดภายใน 90 วันนั้น “แทบเป็นไปไม่ได้” สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ข้อตกลงเชิงหลักการ (Agreement in Principle) ที่ไม่มีรายละเอียดชัดเจน
อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า
“หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น เครื่องมือทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ” เป็นการสื่อว่า EU พร้อมใช้นโยบายภาษีเชิงรุกตอบโต้ทันที
สินค้าเสี่ยงถูกเก็บภาษีเพิ่มเติมในปี 2025:
– รถยนต์และชิ้นส่วนจากเยอรมนี
– ยาและเวชภัณฑ์จากฝรั่งเศส
– ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากเนเธอร์แลนด์
– เครื่องจักรกล อุปกรณ์ไฟฟ้า และสินค้าเกษตรอื่น ๆ
