ถ้ำเกลือใต้ดินอาจกลายเป็นแบตเตอรี่แห่งอนาคต แนวคิด “AirBattery” จากเยอรมนี
บริษัท Augwind Energy จากเยอรมนี (ต้นกำเนิดในอิสราเอล) เปิดตัวแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยี AirBattery ระบบกักเก็บพลังงานแบบใหม่ที่ใช้ ถ้ำเกลือใต้ดิน เป็นแหล่งเก็บพลังงานแทนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในยุโรปอย่างยั่งยืนและต้นทุนต่ำ แนวคิดดังกล่าวอยู่ภายใต้ระบบ Long Duration Energy Storage (LDES) หรือการจัดเก็บพลังงานระยะยาว ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในกลุ่มประเทศที่มีการผลิตพลังงานจากลมและแสงอาทิตย์เป็นจำนวนมาก เช่น เยอรมนี
ระบบ AirBattery ทำงานอย่างไร:
AirBattery ใช้หลักการอัดอากาศเข้าไปใน ถ้ำเกลือใต้ดิน ที่มีแรงดันสูง โดยใช้น้ำเป็นตัวช่วยในการแปลงพลังงานระหว่างพลังงานไฟฟ้าและพลังงานกล เมื่อมีไฟฟ้าเกินจากการผลิต เช่น จากพลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ระบบจะใช้พลังงานไฟฟ้าอัดอากาศเข้าสู่ถังแรงดันและส่งต่อไปยังถ้ำเกลือใต้ดินเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงานศักย์ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้ไฟ ระบบจะคลายแรงดันจากถ้ำ ทำให้อากาศดันน้ำกลับขึ้นมาหมุนกังหัน และแปลงกลับเป็นไฟฟ้าเพื่อส่งเข้าระบบจ่ายไฟฟ้า
จุดเด่นของเทคโนโลยี AirBattery:
ต้นทุนการจัดเก็บเฉลี่ยต่ำกว่าระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยมีค่า Levelized Cost of Storage (LCoS) อยู่ที่ประมาณ 10–15 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งถือว่าต่ำมากในอุตสาหกรรมพลังงาน สามารถเก็บพลังงานได้เป็นเวลานานนับสัปดาห์ ต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไปที่มักเก็บได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ใช้วัสดุที่หาได้ง่าย เช่น คอนกรีต น้ำ และถังเหล็ก จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีการใช้แร่หายากเหมือนลิเธียมหรือโคบอลต์ มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 40 ปี และสามารถสร้างระบบขนาดใหญ่ได้โดยใช้โครงสร้างใต้ดินที่มีอยู่แล้ว
ศักยภาพของถ้ำเกลือใต้ดินในเยอรมนี:
ข้อมูลจาก World Bank และสื่อด้านพลังงานในยุโรประบุว่า เยอรมนีมีถ้ำเกลือที่เหมาะสมมากกว่า 400 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งสามารถเก็บพลังงานได้เทียบเท่า 3 ถึง 8 กิกะวัตต์ชั่วโมง หากนำถ้ำทั้งหมดมาใช้ จะสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสำหรับประชากรกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ของประเทศได้ Augwind Energy วางแผนเปิดตัวระบบ AirBattery เชิงพาณิชย์แห่งแรกในเยอรมนีภายในปี 2027–2028 ซึ่งจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบกักเก็บพลังงานสะอาดในยุโรป
ความสำคัญต่ออนาคตพลังงานหมุนเวียน:
ระบบกักเก็บพลังงานระยะยาวมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน เนื่องจากแหล่งพลังงานอย่างลมและแสงอาทิตย์มีความไม่แน่นอน ระบบอย่าง AirBattery จะช่วยเก็บพลังงานที่ผลิตเกินไว้ใช้ในช่วงเวลาที่ไม่มีการผลิต เช่น เวลากลางคืนหรือช่วงไม่มีลม ด้วยคุณสมบัติที่ต้นทุนต่ำ ยั่งยืน และสามารถสร้างในพื้นที่ขนาดใหญ่โดยใช้ทรัพยากรใต้ดินที่มีอยู่แล้ว ระบบนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งคำตอบสำคัญในการลดการพึ่งพาแบตเตอรี่ลิเธียม และส่งเสริมเป้าหมาย Net Zero ของยุโรปในระยะยาว
