ตลาดคริปโตสูญมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ หลัง “ทรัมป์” เก็บภาษีนำเข้าจีน 100% เขย่าตลาดโลก
ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บ ภาษีนำเข้าจากจีน 100% สำหรับสินค้าประเภทเทคโนโลยี พร้อมควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายรุนแรงในตลาดคริปโต โดย บิตคอยน์ (Bitcoin) ร่วงกว่า 8.4% แตะระดับ 104,782 ดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของคริปโตสูญหายกว่า 19 พันล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
แรงกระเพื่อมกระทบทั่วโลก
การเก็บภาษีครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลต่อการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI Hardware) และ ชิปเซ็ต (Chipsets) ทำให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Nvidia, Amazon และ Tesla ถูกเทขายอย่างหนัก ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ร่วงแรง ขณะที่ดัชนีความผันผวน VIX พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน
สัญญาณจากนักวิเคราะห์และตลาดสถาบัน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นี่ไม่ใช่เพียงความตึงเครียดทางการค้า แต่เป็น “การเปลี่ยนสมการทางเทคโนโลยีระดับโลก” โดยคริปโตที่มักถูกมองว่าไม่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจมหภาค กลับแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงโดยตรงกับ นโยบายการค้า (Trade Policy) และ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk)
สถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่เริ่มเพิ่มกลยุทธ์ Hedging (การป้องกันความเสี่ยง) และลดการถือครองในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโต หุ้น และตราสารอนุพันธ์ พร้อมโยกเงินเข้าสู่ ทองคำ (Gold) และ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasuries)
ประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม
– ท่าทีของสหรัฐฯ และจีนว่าจะผ่อนคลายหรือยกระดับมาตรการภาษีเพิ่มเติม
– ทิศทางของ ค่าเงินดอลลาร์ (DXY) อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (US10Y) และ เงินเฟ้อ (Inflation) ที่จะมีผลต่อราคาคริปโต
– การเคลื่อนไหวของ กระแสเงินบนเชน (On-chain Flow) และพฤติกรรมของนักขุด (Miners) ที่อาจส่งผลต่อแรงขาย
– แนวรับสำคัญของบิตคอยน์ที่ 100,000 ดอลลาร์ และอีเธอเรียมที่ 3,500–3,800 ดอลลาร์ ซึ่งจะชี้ทิศทางระยะสั้นของตลาด
สรุปภาพรวม
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนความจริงสำคัญว่า ตลาดคริปโตไม่ได้ปลอดภัยจากความเสี่ยงเชิงนโยบายและภูมิรัฐศาสตร์ การปรับตัวลงกว่า 19 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียวเป็นสัญญาณเตือนสำหรับนักลงทุนทั่วโลกว่า ความผันผวนของตลาดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจากการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ
