ดอลล่าห์ร่วงรับหยุดยิง – ปอนด์พุ่งจากเงินเฟ้อ!

ดอลลาร์ร่วง หลังทรัมป์ประกาศหยุดยิง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันอังคาร หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
“มีผลบังคับใช้แล้ว” ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์และทองคำ เพื่อหันไปถือสินทรัพย์เสี่ยง ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล ร่วงลง 0.3% มาอยู่ที่ 97.752
ING รายงานว่า ความคาดหวังว่าความขัดแย้งจะคลี่คลาย ส่งผลให้ตลาดลดน้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรงกว่า 4% ก็ยิ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการให้การของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ที่จะขึ้นให้ปากคำต่อรัฐสภาเป็นเวลา 2 วัน โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวโน้มดอกเบี้ยในระยะถัดไป หลังจากทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย “2–3 จุด” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งวิจารณ์เฟดว่าล่าช้าเกินไปในการรับมือ
ยูโร-ปอนด์แข็งค่าขานรับข่าวบวก
EUR/USD ขยับขึ้น 0.1% มาที่ระดับ 1.1591 หลังจากผลสำรวจจากสถาบัน Ifo ของเยอรมนีระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับขึ้นจาก 87.5 ในเดือนก่อนหน้า เป็น 88.4 ในเดือนมิถุนายน ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ถือเป็นสัญญาณว่าภาคธุรกิจเริ่มกลับมามองโลกในแง่บวกมากขึ้น
GBP/USD พุ่งขึ้นแรง 0.7% มาที่ 1.3596 โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% ในช่วง 4 สัปดาห์ถึงวันที่ 15 มิถุนายน สูงสุดในรอบกว่า 12 เดือน ข้อมูลจาก Kantar ยังชี้ว่าราคาอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ เนย และช็อกโกแลต เป็นปัจจัยหลักที่ดันเงินเฟ้อขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่าข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังร้อนแรงนี้จะทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต้องระมัดระวังในการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
เยนฟื้นตัว – หยวนทรงตัว
USD/JPY ร่วงลง 0.8% มาอยู่ที่ 144.97 โดยเงินเยนแข็งค่ากลับขึ้นหลังจากอ่อนค่าต่อเนื่องหลายวัน แม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้ามาแทรกแซงตลาด แต่ความกังวลเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่จบ และแรงขายดอลลาร์ช่วยหนุนเยนกลับมาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ด้าน USD/CNY ลดลงเล็กน้อยมาที่ 7.1780 หลังธนาคารกลางจีน (PBoC) คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิง (LPR) ไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมล่าสุด ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจีนอาจยังไม่เพียงพอสำหรับการฟื้นตัวในไตรมาส 3