สหรัฐฯ มองกองทัพเรือไทยใกล้ชิดจีน ขณะประชาชนยังไม่ตระหนักภัยทะเล

ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม การเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ไม่มีความคืบหน้า นำไปสู่ข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่า ปัจจัยเบื้องหลังอาจไม่ได้จำกัดแค่ประเด็นเศรษฐกิจ แต่ยังพาดพิงถึงมิติด้านความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะบทบาทของไทยในภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก กระแสข่าวจากบุคคลระดับสูงของไทย รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวเป็นนัยถึงการที่สหรัฐฯ อาจมีข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการใช้ฐานทัพในไทย จุดกระแสสังคมให้จับตามองสถานะของไทยในมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างอ่าวพังงาและฝั่งทะเลอันดามัน แม้ฝ่ายรัฐบาลไทยจะออกมาปฏิเสธเรื่องข้อเสนอด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลไทยในการแสดงจุดยืนด้านความมั่นคง หลังมีรายงานว่ากองทัพเรือต้องส่งกำลังสนับสนุนไปยังจังหวัดตราดภายใต้ปฏิบัติการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ต่อมา รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับไทยสำเร็จ ก่อนเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมเพียงหนึ่งวัน โดยมีการกล่าวถึงบทบาทของสหรัฐฯ ในการเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชายุติความขัดแย้ง ซึ่งนำไปสู่การหยุดยิงในเวลาต่อมา โดยมีมาเลเซียทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจา 

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะน้ำมันและวัตถุดิบจากตะวันออกกลางไปยังเอเชียตะวันออก กรณีการตั้งฐานทัพของต่างชาติในภูมิภาคนี้จึงเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ทั้งในแง่ของอธิปไตย ความมั่นคงในประเทศ และผลกระทบต่อการเมืองภายใน นักวิจัยจากสถาบันต่างประเทศเตือนว่าแม้การตั้งฐานทัพอาจมีข้อดีทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่หากไม่มีการวางกรอบและข้อกำหนดที่รัดกุม ไทยอาจต้องเผชิญความเสี่ยงด้านอธิปไตยในระยะยาว ในขณะเดียวกัน มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จีน อินเดีย และชาติยุโรป ต่างเร่งขยายอิทธิพลทางทะเลในมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีฐานทัพหลักในเกาะดิเอโก การ์เซีย และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนเป็นการเสริมกำลังทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ในด้านตรงข้าม จีนเลือกใช้แนวทางสร้างท่าเรือพาณิชย์ในหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน ศรีลังกา เมียนมา และกัมพูชา พร้อมเจรจาเงื่อนไขที่เปิดทางให้สามารถใช้ในเชิงทหารได้ในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่านี่คือกลยุทธ์การขยายอำนาจทางทะเลโดยไม่เผชิญหน้าตรง สำหรับประเทศไทย เส้นทางที่เหมาะสมในบริบทของภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน คือการรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ โดยไม่เลือกข้างอย่างชัดเจน แต่พร้อมเปิดรับความร่วมมือแบบมีเงื่อนไขที่ไม่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ระยะยาวของชาติ ประเทศไทยยังจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของภูมิภาคนี้ทั้งในมิติความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบทบาทของทะเลอันดามันในฐานะประตูเชื่อมโยงการค้าโลก และควรมียุทธศาสตร์ชาติทางทะเลที่ชัดเจนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ในระยะยาว

We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

fintapx
Logo
Compare items
  • Total (0)
Compare
0
Shopping cart