ข่าวภาษีศุลกากรเขย่าตลาดโลก: ทองคำพุ่งทะยาน คริปโตร่วงหนัก นักลงทุนหันหาสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง

ในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม 2025 ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 100% และจีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มค่าธรรมเนียมท่าเรือ ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเข้าสู่ภาวะผันผวนทันที นักลงทุนเร่งโยกเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและหันกลับมาถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำและพันธบัตรรัฐบาล

ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ราคาทองคำในตลาดสปอตพุ่งแตะระดับ 4,078.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปิดใกล้ระดับ 4,068 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนธันวาคมปรับขึ้นกว่า 2.3% ขณะที่ราคาซิลเวอร์ก็ขยับแตะระดับสูงสุดใหม่เหนือ 51.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

ไคล์ ร็อดดา จาก Capital.com ให้ความเห็นว่า “ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง ได้จุดกระแสขาขึ้นของทองคำอย่างชัดเจน” โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่มีแรงซื้อจริงจากภาคเครื่องประดับและการสะสมทองคำของธนาคารกลางหลายประเทศ นอกจากนี้ ข้อมูลจาก TradingView ยังพบว่ากองทุน ETF ที่ถือครองทองคำเพิ่มการถือครองต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้า แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองว่าข่าวภาษีศุลกากรครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ชั่วคราว แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาด

ในเชิงเทคนิค ทองคำสามารถทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 3,950 และ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง ดัชนีความผันผวนของทองคำยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงโควิด แสดงถึงการสะสมทองคำอย่างมีแบบแผนโดยนักลงทุนสถาบันมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

คริปโตเผชิญแรงเทขาย มูลค่าตลาดหายกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์

ในขณะที่ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกลับเผชิญแรงขายอย่างรุนแรง บิตคอยน์ร่วงแตะระดับ 110,023 ดอลลาร์ก่อนฟื้นตัวใกล้ 113,000 ดอลลาร์ ส่วนอีเธอร์อ่อนตัว 3.7% มาที่ 4,128 ดอลลาร์ การปรับฐานครั้งนี้เกิดจากการบังคับขายมูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์จากนักเทรดที่ใช้เลเวอเรจสูง

ข้อมูลจาก TradingView ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์กับ Nasdaq 100 เพิ่มขึ้นเกินระดับ 0.65 สะท้อนว่าคริปโตยังเคลื่อนไหวเหมือนสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ทองคำยังคงรักษาสถานะของสินทรัพย์หลบภัยได้อย่างมั่นคง

ฮวน เปเรซ จาก Monex USA กล่าวว่าคริปโตยังคงหาฐานมูลค่าที่มั่นคงไม่ได้ในภาวะตลาดผันผวน ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของผู้จัดการกองทุนหลายรายที่เห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของตลาดมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ ฌอน ฟาร์เรล จาก Fundstrat เสริมว่า “ข่าวภาษีศุลกากรได้กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดลดความเสี่ยง” และจนกว่าความผันผวนจะคลี่คลาย
นักลงทุนสถาบันจะยังคงให้ความสำคัญกับสินทรัพย์จริงอย่างทองคำมากกว่าโทเคนดิจิทัล

ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคยังหนุนทองคำ

ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ดัชนีภาคการผลิตของหลายประเทศลดลง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มคลายตัว ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณยุติมาตรการดูดซับสภาพคล่องเร็วกว่ากำหนด ราคาทองคำอาจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ยังช่วยเพิ่มแรงหนุนให้ทองคำแข็งค่าขึ้น เพราะทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ

ในทางเทคนิค ทองคำมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งกลายเป็นระดับราคาที่นักลงทุนใช้เป็นฐานสะสม
ระยะกลาง ขณะที่สัญญาณจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยังคงชี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุนในยุคข่าวภาษีครองตลาด

ข้อมูลจาก CFTC ชี้ให้เห็นว่ากองทุนหลายแห่งได้ปรับพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนทองคำและลดน้ำหนักในคริปโตเพื่อกระจายความเสี่ยง การเพิ่มสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำหรือพันธบัตรรัฐบาล สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งโอกาสสร้างผลตอบแทน

สำหรับนักลงทุนรายย่อย การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็นในภาวะตลาดเช่นนี้ การตั้งจุดตัดขาดทุนและหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจเกินตัวช่วยลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่รุนแรง ในขณะที่นักลงทุนสถาบันยังคงหมุนเวียนเงินทุนระหว่างทองคำและ
คริปโตตามทิศทางของข่าวภาษี ซึ่งอาจเป็นธีมหลักของการลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

สรุปภาพรวม: ทองคำยังคงเป็นที่หลบภัยแห่งความมั่นคง

ความตึงเครียดทางภาษีศุลกากรได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของการลงทุนอีกครั้ง ทองคำยังคงพิสูจน์บทบาทของตนในฐานะสินทรัพย์เก็บมูลค่าที่มั่นคง ในขณะที่คริปโตแม้จะมีศักยภาพในระยะยาว แต่ยังคงอ่อนไหวต่อความผันผวนและความไม่แน่นอนทางนโยบาย

ในโลกที่ข่าวภาษีและการตัดสินใจทางการค้าสามารถขับเคลื่อนตลาดได้เร็วกว่ารายงานผลประกอบการ ความคล่องตัว การกระจายพอร์ต และการเข้าใจจังหวะมหภาค คือข้อได้เปรียบสูงสุดของนักลงทุนยุคใหม่

 

We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

fintapx
Logo
Compare items
  • Total (0)
Compare
0
Shopping cart